jump to navigation

ระบบเตือนภัยด้วย SMS เพื่อป้องกันหายนะทางธรรมชาติ กุมภาพันธ์ 18, 2009

Posted by ekarinv in Technology Focus.
add a comment

ในอดีต ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ต่าง ๆ เช่น ซึนามิ หรือน้ำท่วม นั้นย่อมก่อให้เกิดความสูญเสียทั้งทรัพย์สินและ ชีวิต แต่ในอาคตอันใกล้นี้ จำนวนผู้เสียชีวิตอาจน้อยลงได้ด้วยเทคโนโลยีการเตือนภัยแบบใหม่ ที่สามารถส่งข้อความเตือนไปยังโทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ในรัศมีที่เกิดเหตุ

เทคโนโลยีนี้มีชื่อว่า Cell Broadcast ผลของการใช้เทคโนโลยีนี้ก็คือ จะมีข้อความตัวอักษรเตือนไปยังโทรศัพท์มือถือ เหมือนกับ SMS แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือ การที่ส่งข้อความเตือนไปถึงได้ นั่นหมายถึงอีกหนึ่งขีวิตที่มีโอกาสรอดจากภัยพิบัตินั้นได้ และด้วย cell broadcast นี้ คนนับพัน หมื่น หรือแม้แต่เป็นล้านคน ที่มีความเสี่ยง จะได้รับข้อความเตือน โดยไม่เลือกว่าจะเป็นเครื่องของใคร เครือข่ายไหนก็ตาม โดยสามารถเลือกส่งเป็นพื้นที่ หรือแม้แต่เป็นเสาต้นไหนก็ยังได้

img_01

สิ่งที่แตกต่างก็คือ คนที่จะได้รับบริการนี้ต้องสมัครก่อน ซึ่งในความเป็นจริง ไม่ควรจะต้องสมัคร และผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่ามันควรจะเป็นระบบอัตโนมัติมากกว่า คือทุกคนต้องได้รับข่าวสารพร้อมกัน

อีกประเด็นหนึ่งที่กำลังถกเถียงกันก็คือ ควรให้มีการทำการตลาดด้วยระบบ cell broadcast นี้หรือไม่ ซึ่งรัฐบาลของฮอลแลนด์กับเกาหลีใต้ได้ต่อต้านอยู่ แต่ก็ข้อสังเกตที่ว่า แล้วต้นทุนที่ต้องจ่ายไปสำหรับระบบนี้ทั่วประเทศใครจะลงทุนถ้าไม่มีรายได้จากการลงทุนกันบ้าง

สำหรับข้อจำกัดของ Cell Broadcast ก็มีหลายข้อ เช่น ถ้าเสาสัญญาณถูกทำลายจากแผ่นดินไหว ก็ไม่สามารถกระจายสัญญาณได้ หรือถ้าปิดโทรศัพท์อยู่ ข้อมูลที่ออกอากาศไปก็จะไม่ได้รับ แม้จะเปิดเครื่องหลังจากนั้นไม่กี่นาที ยกเว้นมีการส่งซ้ำ ส่วนข้อจำกัดด้านเทคนิคก็คือ ต้องมีการลงทุนมหาศาล ที่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลกำไรกลับมาเลย จะได้ก็เพียงความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นเท่านั้น ซึ่งในแง่การค้าแล้วเป็นไปได้ยากยิ่ง

โดยลักษณะการทำงานเหมือนกับการออกอากาศโทรทัศน์ ซึ่งความเร็วในการส่งจะไม่ช้าลงแม้จะมีคนดูเพิ่มขึ้นเท่าใดก็ตาม ต่างจากการส่ง SMS ผ่านเครือข่ายที่ต้องใช้ช่องสัญญาณ และมีข้อจำกัดในเรื่องความเร็วเมื่อมีปริมาณข้อความมาก ๆ ซึ่งในสถานการฉุกเฉิน ย่อมเกิดปัญหาการติดขัดของช่องสัญญาณได้ง่ายและคาดว่าจะมีอีกหลายประเทศทำเช่นกัน

ในขณะนี้ Cell Broadcast ได้ถูกนำไปทดสอบและติดตั้งใช้งานในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก เช่นในเกาหลีใต้ ได้มีแผนติดตั้งระบบนี้ทั่วประเทศในปีที่จะถึงนี้ และญี่ปุ่นก็มีบริการนี้แล้ว แม้แต่รัฐบาลของเนเธอแลนด์ ก็ได้รับแนะนำจากที่ปรึกษาให้ติดตั้งระบบนี้เช่นกัน ทำให้เห็นได้ว่านี้เป็นระบบเตือนภัยที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก

ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาได้มีการทำสอบระบบ Cell broadcast ในหลาย ๆ ที่ และกำลังมีความพยายามจะขยายระบบให้สามารถคลอบคลุมพื้นที่เพิ่ม โดยผู้ให้บริการจะต้องเป็นผู้ติดตั้งระบบ และ ออกอากาศ ดังกล่าวเพิ่ม เติม โดยส่วนมากรัฐจะช่วยในการลงทุนบางส่วนในการให้เอกชนติดตั้งระบบดังกล่าว โดยมีฮอลแลนด์เป็นผู้นำในยุโรป ส่วนในญี่ปุ่นซึ่งเป็นผู้นำด้านการสื่อสารไร้สายก็มีบริหาร Area Mail Disaster Information Service ให้ใช้แล้วเช่นกัน

โดยสามารถเข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ http://www.nttdocomo.co.jp/english/service/anshin/areamail/index.html

ซึ่งสิ่งที่จะได้รับจากการบริการนี้ในญี่ปุ่นมี 3 อย่างคือ

1. ได้รับข้อมูลเตือนภัยแผ่นดินไหว หรือแผนอพยพ

2. ผู้เปิดรับบริการจะได้รับข้อมูลทันทีที่มีการเตือนภัย ในพื้นที่ที่กำลังใช้งานอยู่

3. เมื่อเกิดเหตุการขึ้นจะมีข้อความส่งมาพร้อมเสียงกระดิ่งเตือนภัยดังที่โทรศัพท์

การศึกษาพบว่าปลาเลือกอพยพไปสู่บริเวณที่นำเย็นกว่า กุมภาพันธ์ 18, 2009

Posted by ekarinv in Technology Focus.
add a comment
  • สภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นในขณะนี้และกำลังจะดำเนินต่อไปอีกนาน กำลังจะทำให้สิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรนับ 1000 ชนิด เปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยไป โดยเฉพาะสัตว์ที่เป็นสัตว์ทะเลเพื่อการค้าก็จะเปลี่ยนที่อยู่ไปเช่นกัน
  • คาดว่าภายในปี 2050 ปลาเป็นจำนวนมากจะอพยพจากพื้นที่อบอุ่นไปยังพื้นที่ ๆ เย็นขึ้น คือขึ้นเหนือที่ 40-45 กม.ต่อ 10 ปี
  • การอพยพนี้สามารถนำไปสู่การสูญพันธุ์ของสัตว์น้ำเป็นจำนวนมากที่อยู่ในพื้นที่อบอุ่น
  • นักวิทยาศาสตร์ยังได้ใช้คอมพิวเตอร์จำลองสิ่งที่จะเกิดขึ้นเนื่องจากสภาวะโลกร้อน พบว่าในอานาคต สัตว์จะไปอยู่ใกล้ขั่วโลกเหนือ และใต้มากขึ้น ทำให้สัตว์นำในบริเวณเส้นศูนย์สูตร มีปริมาณน้อยมาก

ไมโครซอร์ฟมีค่านำจับให้ 2.5 แสนเหรียญ สำถ้าใครจับคนปล่อย worm ได้ กุมภาพันธ์ 18, 2009

Posted by ekarinv in Technology Focus.
add a comment

· ผู้ผลิตซอร์แวร์ยักใหญ่อย่างไมโครซอร์ฟ ได้ประกาศรางวัลนำจับ $250,000 สำหรับคนที่สามารถให้ข้อมูลเพื่อนำไปสู่การจับกุม แฮกเกอร์ ที่อยู่เบื้องหลังไวรัสคอมพิวเตอร์ ที่ทำให้คอมพิวเตอร์นับล้านเครื่องถูกแฮกข้อมูล

· ไวรัสที่กำลังป่วนระบบทั่วโลกชื่อว่า Conficker หรือ Downadup โดยมีการแพร่ระบาดที่ถือได้ว่าเป็นครั้งที่หนักหนาสาหัสที่สุดของโลกไซเบอร์

· ขั้นตอนก็คือ worm ที่ส่งเข้ามาจะเริ่มหาช่องว่างของ MS Windows โดยเฉพาะเครือข่ายองค์กร จากนั้นก็ยังไม่ทำอะไรแต่จะส่งข้อมูลช่องว่างที่จะเปิดให้แฮกเกอร์เข้ามาได้นั้น กลับไปยังต้นทางของผู้สร้างไวรัส นั่นหมายความว่าระบบเราก็พร้อมจะโดนเจาะได้ทุกเมื่อ

· โดยขณะนี้ MS ได้ออก patch เพื่อแก้ปัญหาบั๊กแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ถ้ามีเครื่องใดเครื่องหนึ่งที่โดนเจาะต่ออยู่กับโครงข่ายขนาดใหญ่ มันก็จะกระจายตัวโดยไม่สามารถตรวจสอบได้ โดยส่วนมากเครื่องที่จะโดนเจาะซ้ำจะเป็นเครื่องที่เคยโดนเจาะระบบมาก่อนหน้าแล้ว

· Mikko Hypponen Chief Research Officer ของบริษัท F-Secure กล่าวว่า เขาก็ยังไม่ทราบจุดมุ่งหมาย หรือสิ่งที่ไวรัสตัวนี้ทำแบบ 100% แต่ในช่วง 24 ชม. ที่ผ่านมานี้มีสัญญาณจากไวรัสตัวนี้ส่งออกมาจากคอมพิวเตอร์กว่า 2 ล้าน IP ซึ่งถือว่าเยอะมาก และหมายความว่าคอมพิวเตอร์มากกว่า 2 ล้านเครื่องได้ติดไวรัสตัวนี้ไปแล้ว เพราะบางครั้ง 1 IP ที่ติดอาจเป็น Server ที่ต่อกับคอมพิวเตอร์อีกนับร้อย นั้นก็หมายความว่า IP หนึ่งชุด อาจหมายถึงคอมพิวเตอร์มากกว่า 1 ตัวได้ ซึ่งก็หมายความว่าจำนวนคอมพิวเตอร์ที่ติดจริง ๆ อาจพุ่งขึ้นไปได้หลายเท่าตัว

· ไมโครซอร์ฟได้เคยจ่ายรางวัลนำจับแบบนี้มาแล้ว สำหรับผู้ที่สร้างไวรัส Sasser เมื่อปี 2004 และในที่สุดก็ไปจับได้ที่เยอรมัน ในอีกหนึ่งปีถัดมา

ดาวเทียมรัสเซีย กับสหรัฐ ชนกันกลางอวกาศ กุมภาพันธ์ 18, 2009

Posted by ekarinv in Technology Focus.
add a comment

  • ดาวเทียมสื่อสารของสหรัฐ และ รัสเซียได้ชนกันในอวกาศ ซึ่งถือได้ว่าเป็นปรากฎการณ์ครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นนับตั้งแต่เราส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว
  • โดยดาวเทียมของสหรัฐคือ ดาวเทียม Iridium ที่ใช้สำหรับระบบโทรศัพท์ผ่านดาวเทียม และดาวเทียมของรัสเซียคือ คอสมอส 2251 โดยการชนกันเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2552 เวลาประมาณ 23:55:58 วินาที ตามเวลาประเทศไทย โดยชนกันที่เส้นรุ้ง 72.5 เหนือ เส้นแวงที่ 97.7 องศาตะวันออก ความสูง 788.8 กิโลเมตรเหนือระดับน้ำทะเล บริเวณเหนือไซบีเรียของรัสเซียเกือบเข้าสู่บริเวณของแอนตาร์ติก
  • โดยนาซ่ากล่าวว่า ความเสี่ยงของสถานีอวกาศนานาชาติ และ แผนการส่งยานขนส่งอวกาศนั้นมีไม่มากนัก
  • การชนครั้งนี้ก่อให้เกิดสะเก็ดจากการชนจำนวนมาก ซึ่งจะต้องมีการติดตามกันต่อไปถึงผลกระทบ
  • นับตั้งแต่สหภาพโซเวียตได้ส่งดาวเทียมดวงแรกคือ Sputnik ในปี 1957 จนถึงขณะนี้ประมาณว่ามีดาวเทียมถูกส่งขึ้นสู่วงโคจรรอบโลกอย่างน้อย 6000 ดวง และที่ใช้งานได้จริง ๆ ประมาณ 3000 ดวง ซึ่งแน่นอนว่าโอกาศในการที่ดาวเทียมจะชนกันคงมีความเสี่ยงสูงขึ้น
  • โดยสำหรับสถานีอวกาศนั้น ผู้ควบคุมสามารถควบคุมให้สถานีเปลี่ยนทิศทางเพื่อหลบหลีกสะเก็ด หรือขยะอวกาศเหล่านี้ได้ถ้ามีความจำเป็น แต่ก็คาดว่าชิ้นส่วจากการชนส่วนใหญ่จะตกลงสู่พื้นโลกและเผาไหม้ก่อนจะถึงพืนโลก

ผลกระทบต่อสถานีอวกาศนานาชาติ และ การปล่อยยานขนส่งอวกาศ

สำหรับข้อกังวลเกี่ยวกับสะเก็ดที่เกิดจากการชนว่าจะมีผลต่อสถานีอวกาศนานาชาติ ที่โคจรอยู่เหนือพื้นโลก 435 กม. หรือต่ำกว่าระดับการชนหรือไม่นั้น จากข้อมูลของเจ้าหน้าที่น่าซ่ากล่าวว่าอยู่ในเกณฑ์ต่ำ

สำหรับขยะอวกาศ ตอนนี้คาดว่ามีอยู่ประมาณ 17,000 ชิ้นในอวกาศ และ US Space Surveillance Network ก็ได้ติดตามอยู่ โดยก่อนหน้านี้ก็มีการชนกันบ้างแต่เป็นการชนกันเล็ก ๆ โดยเกิดมาแล้ว 4 ครั้งในวงโคจร และยังเสริมด้วยว่างสถานีอวกาศนานาชาติได้เคยบังคับหลบเศษขยะอวกาศมาแล้วถึง 8 ครั้ง ในการโคจรรอบโลก 60,000 รอบ

สำหรับการปล่อยยานขนส่งอวกาศ นาซ่าก็ไม่มีแผนที่จะเลื่อนออกไปแต่อย่างใด โดยจะปล่อยในเดือนนี้ แต่ก็อาจะมีการประเมิณสถานการอีกครั้งหนึ่ง

แต่ Nicholas Jonson ผู้เชี่ยวชาญด้านขยะในวงโคจร แห่ง Johnson Space Center ใน Houston กล่าวว่า กล้องโทรทัศน์อวกาศฮับเบิ้ล กับ ดาวเทียมสำรวจโลก ที่อยู่วงโคจรสูงขึ้นไป และอยู่ใกล้ตำแหน่งการชนนั้น มีความเสี่ยงสูงที่จะโดนสะเก็ดจากการชนจนเสียหายได้

สถานการที่เกิดขึ้นไม่ใช่สถานการปกติ

ดาวเทียมสื่อสาร Iridium ของบริษัท Iridium ใน Bethesda ใน Maryland กล่าว่า ดาวเทียมของเขาได้ขาดการติดต่อไปหลังจากการชน ซึ่งก็จะทำให้บางพื้นที่ไม่สามารถใช้บริหารสื่อสารได้ แต่คาดว่าจะมีการแก้ไขได้ภายในวันศุกร์

Iridium กล่าวว่าจะใช้ดาวเทียมขนาด 560 กก.ซึ่งส่งไปเมื่อปี 1997 มาทดแทน ซึ่งเป็นดาวเทียมสำรอง โดยคาดว่าจะมาทดแทนได้สมบูรณ์ใน 30 วัน และยังกล่าวว่าเหตุการชนลักษณะนี้เกิดขึ้นได้ยากมาก และไม่ใช่ความผิดพลาดของดาวเทียมของเขาอย่างแน่นอน

สำหรับฝ่ายการสื่อสารดาวเทียมของกองทัพรัสเซีย พลตรี อเล็กซานเดอร์ ยาคูชิน ยืนยันว่าดาวเทียมของรัสเซียที่ชนนั้นเป็นดาวเทียมสื่อสารทางทหารที่ไม่ได้ใช้แล้ว ชื่อ Kosmos 2251 น้ำหนัก 950 ก.ก. โดยดาวเทียมดวงนี้ได้ถูกส่งขึ้นไปตั้งแต่ปี 1993 และ หยุดการทำงานหลังจากนั้นเพียง 2 ปี แต่ก็ไม่ได้บอกว่าดาวเทียมดวงนี้ยังสามารถควบคุมได้หรือไม่

ปัญหาขยะอวกาศ

ผู้เชียวชาญด้านขยะอวกาศกล่าวว่านับวันปัญหาลักษณะแบบนี้มีโอกาสเกิดเพิ่มขึ้น และยังเป็นปัญหากับการส่งยานขนส่งอวกาศแต่ละเที่ยวด้วย โดย Mr.Johnson กล่าวว่าขณะนี้มีขยะในอวกาศที่มนุษย์สร้างขึ้นกว่า 17,000 ชิ้น ในวงโคจรโลก

บางชิ้นเล็กเพียง 10 cm แต่ก็ยังได้รับการติดตามโดย US Space Surveillance Network เพื่อ แจ้งให้กับยานอวกาศเพื่อหลบหลีกเศษขยะเหล่านี้ โดยนับตั้งแต่ปี 1957 เราได้ส่งดาวเทียมขึ้นไปโคจรใจอวกาศมาแล้วกว่า 6000 ดวง แต่ที่ใช้งานได้จริง ๆ ตอนนี้คือ 3000 ดวง

โดยขณะนี้ยุโรปเองก็ได้เริ่มตั้งศูนย์ติดตามของตัวเองขึ้น เพราะเมื่อธันวาคมที่ผ่านมา ดาวเทียมสำรวจอากาศของยุโรปก็เกือบชนกับดาวเทียมของจีน โดยที่เขาไม่รู้เลยถ้าสหรัฐไม่แจ้งมาให้ทราบ

_45471811_satellite_collision466x3152

ของเล่นใหม่ประจำปี 2009 จากงาน CES กุมภาพันธ์ 12, 2009

Posted by ekarinv in Technology Focus.
1 comment so far

· ในวันนี้เราจะนำเสนอ Gadgets หลายชิ้นที่น่าสนในจากงาน Consumer Electronics Show (CES) ซึ่งในทุก ๆ ปีจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ทางอิเล็กทรอนิกส์มาเสนอกัน

1. LG ได้เปิดตัวนาฬิกาขนาดเล็กที่รวมฟังก์ชั่นของโทรศัพท์ 3G เข้าไว้ พร้อมกับเทคโนโลยีทัชสกรีน ที่ทำให้นาฬิการุ่นนี้เป็นมากกว่าโทรศัพท์หรือ นาฬิกา แต่ยังมีกล้องเล็ก ๆ ที่พร้อมให้เราพุดคุยผ่าน VDO Conference ได้ทันที และด้วยระบบสัมผัสหน้าจอทำให้ทุก ๆ อย่างดูควบคุมง่ายไปเสียหมด สิ่งที่ผู้ผลิตต้องการนำเสนอก็คือ ต่อไปนี้ไม่ต้องกลัวโทรศัพท์หายอีกต่อไปแล้ว โดยหน้าจอที่ให้มาเป็น 1.4 นิ้ว พร้อม Bluetooth, text message, กล้องถ่ายภาพเคลื่อนไหวและภาพนิ่ง รวมทั้งลำโพงในตัว แต่หลาย ๆ คนก็อาจจะดูเพียน ๆ ถ้าเดินพูดกับนาฐิกาข้อมือทั้งวัน

magical-snap-20090212-2237-002

2. iRiver Wave มันเป็นหลาย ๆ อย่างที่ดูไม่น่าจะเป็นได้ในคราวเดียวกัน มันเป็นทั้งนาฬิกาปลูก วิทยุ คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ โทรศัพท์ที่มาพร้อมกับ Vdo Conference และยังเป็นกรอบรูปดิจิตอล อีกด้วย ฟังแล้วไม่น่าเชื่อแต่ด้วยจอทัชสกรีน 7 นิ้ว พร้อม webcan รวมทั้งลำโพงในตัว พร้อมฟังก์ชั้นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ท มันยังสามารถเล่นเพลง MP3 ดูไฟล์ภาพยนต์ มีช่องให้เสียบ SD การ์ด และที่ขาดไม่ได้ USB port iRiver เป็นบริษัทของเกาหลี และคาดว่าจะส่งสินค้าตัวนี้ไปขายในสหรัฐภายในปีนี้ด้วยราคาต่ำกว่า $400

3. Sony Vaio Lifestyle PC ที่มีขนาดเล็กกว่า NetBook บางรุ่นเสียอีก ตัวมันมีน้ำหนักเพียง 1.4 ปอนด์ โดยสามารถใส่ในกระเป๋าเสื้อกันหนาวได้อย่างสบาย Vaio ตัวนี้มีมาพร้อมทั้ง Bluetooth, GPS และทำงานได้บนโครงข่าย 3G นั้นหมายความว่ามันต่อกับอินเทอร์เน็ทตลอดเวลาทุกที่ ๆ มีสัญญาณโทรศัพท์ ด้วยหนาจอขนาด 8 นิ้ว พร้อม webcam, USB port 2 ชุด และแบตเตอรี่ที่ใช้งานได้ 4 ชม. ก็ไม่เลวที่เดียว กับฮาร์ดดิสค์ 60G ขายที่ราคา $900 ส่วน 128G ราคา $1,500

4. Motorola Aura โทรศัพท์ราคา $1,900 เหรียญที่ไม่มี web browser อย่าง Smart Phone ทั่วไป แต่ส่งที่มาทดแทนได้แก่ สไตล์การออกแบบที่ทันสมัย ทำจากสเตนเลสสตีล และ ซัฟฟายคริสตัล โดยแต่ละเครื่องใช้เวลาในการทำ 1 สัปดาห์ ตัวโทรศัพท์เปิดในลักษณะ switchblade โดยมีหน้าจอกลมดูคลาสสิค Aura เปิดตัวเมื่อเดือนที่แล้วโดยมีฟังก์ชั่นโทรศัพท์ธรรมดาครบแต่ก็ไม่ได้มีทุกอย่างที่เราต้องการ

5. Polaroid Instant Digital Camera กล้องดิจิตอลความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ที่มาพร้อมกับเครื่องพิมพ์ภาพที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ ที่ไม่ต้องการหมึกพิมพ์ในตัวกล้อง มันใช้เทคโนโลยีที่ Polaroid พัฒนาขึ้นใหม่ โดยความลับอยู่ที่กระดาษพิเศษที่สามารถเปลี่ยนเป็นสีต่าง ๆ ได้ตามหัวเขียนด้วยความร้อนที่ติดอยู่กับกล้อง เจ้ากล้องนี้สามารถพิมพ์ภาพขนาด 2 คูณ 3 นิ้วได้ทันทีที่ถ่ายเสร็จ ถึงแม้จะเล็กแล้วก็ไม่ละเอียดมากนัก แต่ก็สามารถดูรูปได้ก่อนว่าต้องการพิมพ์หรือไม่ และยังมีกระดาษสติ๊กเกอร์ให้พิมพ์ออกมาแล้วแปะได้เลย ซึ่งก็เป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่น่าสนใจ สะดวก และ สนุก ตัวกล้องราคา $199 และกระดาษพิมพ์รูป 10 ใบราคา $5

magical-snap-20090212-2235-001

6. Livescribe Pulse ปากกาอัจฉริยะ ที่เป็นทั้งปากกาและคอมพิวเตอร์พกพาในเวลาเดียวกัน มันสามารถจะตรวจจับและบันทึกการเขียนของเราในรูปแบบ digital note ตัว digital recorder สามารถเชื่อมโยงสิ่งที่จดลงไปกับเสียงที่อัดเข้ามาได้ในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างเช่นใน Lecture ซอร์ฟแวร์จดจำลายมือจะจำและบันทึกพร้อมกับเสียงทำให้เราสามารถเรียกสิ่งที่เราเขียนพร้อมกับเสียงที่บันทึกจาก Lecture ในช่วงนั้น ๆ มาดูย้อนหลังได้ว่าสิ่งทีเราเขียน กับสิ่งที่อาจารย์พูดนั้นสัมพันธ์กันอย่างไร สำหรับเทคโนโลยีเบื้องหลังก็คือ กระดาษพิเศษชนิด microdots และ กล้องอินฟาเรด ที่จะตรวจจับการเขียนของเราและบันทึกเป็นไฟล์ข้อมูลไว้ด้วย นอกจากนั้นยังมีช่องที่เราสามารถต่อ USB เพื่อโหลดข้อมูลที่บันทึกไว้ลงคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานอื่น ๆ หรือแบ่งให้เพื่อน ๆ ไปอ่านได้สบายมาก สำหรับ Pulse นี้เริ่มจากขนาด 1G ที่ราคา $149 และ 2G ซึ่งสามารถบันทึกการเขียนได้ถึง 60,000 หน้ากระดาษ ราคา $199

magical-snap-20090212-2239-003

7. The Sharper Image มันคือพวงกุญแจที่สามารถเป็นได้ทั้งเครื่องเล่น MP3 ดูภาพดิจิตอล เล่นวีดีโอ มีหูฟังมาให้สองชุด พร้อมที่จะให้คุณและหวานใจของคุณแบ่งปันเสียงเพลงกันฟังได้ นอกจากนั้นมันยังทำตัวเป็นเครื่องเล่นเพลงที่สามารถส่งผ่านเพลงผ่านระบบไร้สายเข้าไปยังวิทยุในรถคุณได้อีกด้วย โดยคาดว่าจะวางขายในเดือนเมษายน สนนราคาอยู่ที่ $59.99

8. Jensen JCR-290 alarm clock นาฬิกาปลุกที่ไม่ธรรมดา ถึงแม้จะดูภายนอกเหมือนกับนาฬิกาปลุกทั่วไป แต่สิ่งที่มันแตกต่างก็คือมันฟังคำสั่งคุณได้ ด้วยเทคโนโลยี Voice-Recognition ทำให้ผู้ใช้งานสามารถกำหนดให้นาฬิการู้จักคำสั่ง แทนที่จะต้องตะเกียกตะกายไปกดปุ่มเหมือนนาฬิกาปลุกแบบเดิม ๆ การตั้งปลุกก็ง่ายแสนง่ายด้วยคำสั่งเช่นเดียวกัน ไม่ต้องไปหาคู่มือมาตั้งปลุกอีกแล้ว โดยนาฬิการุ่นนี้จะวางขายในช่วงก่อนฤดูร้อนปีนี้อย่างแน่นอนในสหรัฐ ราคาก็ $29.99

อนาคตของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ในรถยนต์ กุมภาพันธ์ 12, 2009

Posted by ekarinv in Technology Focus.
Tags:
add a comment

• โทรศัพท์มือถือ หรือทีวีที่ต่ออินเทอร์เน็ทได้ ถือเป็นเรื่องที่เราได้เห็นมาแล้วในปี 2008 ที่ผ่านมา สำหรับแนวโน้มของเทคโนโลยีในปีนี้หรือปีต่อ ๆ ไปคือการทำให้รถยนต์ของคุณมีคอมพิวเตอร์ใช้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทาง ที่สำคัญคือรถยนต์ของคุณจะต้องถูกเชี่อมต่อกับอินเทอร์เน็ทได้ด้วยนี่ซิ
• เดือนนี้ Hyundai ได้ติดตั้งระบบที่เตือนนักขับว่าพวกเขาได้ขับออกนอกช่องทางที่ควรจะเป็น อีกค่ายรถยนต์หนึ่งได้พัฒนาซอร์ฟแวร์พร้อมระบบตรวจจับคน โดยใช้ความร้อน เพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบว่ามีคนอยู่ในรัศมีที่เป็นอันตรายหรือไม่
• ในเดือนมีนาคมนี้ Ford จะเปิดตัวคอมพิวเตอร์ออนบอรร์ดสมบูรณ์แบบที่ติดตั้งเป็นส่วนหนึ่งของรถยนต์ ทำให้รถยนต์ของเราสามารถเชื่อมต่อสู่อินเทอร์เน็ทได้ สามารถให้ผู้ที่โดยสารสามารถนั่งทำงานไปได้ระหว่างอยู่ในรถ และในช่วงฤดูใบไม่ผลิปีนี้ AT&T จะเปิดตัว in-car entertainment service ที่ประกอบด้วย TV ผ่านดาวเทียมทั้งหมด 22 ช่อง
• และเมื่อใดก็ตามที่รถยนต์เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ทตลอดเวลา โลกของคุณบนรถก็จะเปลี่ยนไปทันที ถ้าระบบ GPS ทำงานแบบออนไลน์ร่วมกับแผนที่ที่ทันสมัยที่สุด แนะนำสถานีที่ท่องเที่ยว หาข้อมูลที่พัก ร้านอาหาร ปั๊มน้ำมัน หรือเวลาไปเที่ยวแล้วอยากถ่ายวีดีโอแล้วอัพโหลดออนไลน์ผ่านเวบไซท์ของตัวเอง ให้เพื่อน ๆ ดูกันสด ๆ หรืออัพโหลดภาพกันสด ๆ
• Nokia และ GM ก็กำลังร่วมกันพัฒนา OnStar Service สำหรับระบบคอมพิวเตอร์ในรถยนต์ โดย GM สามารถเปิดปิดประตูจากศูนย์ควบคุมได้ หรือแม้แต่ตัดระบบน้ำมันเมื่อรถยนต์ถูกขโมย ติดต่อตำรวจถ้ามีการชนเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ โดยขณะนี้ก็มีสมาชิกอยู่กว่า 6 ล้านคน สำหรับโตโยต้าเองก็กำลังจะเปิดตัวระบบแนะนำผู้ขับขี่ในหลายรุ่น
• ฟอร์ดกำลังจะเริ่มติดตั้งบนรถกระบะ และ รถแวน ในปีนี้ โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ออนบอร์ดนี้มีราคา $1,195 และยังต้องจ่ายค่ารายเดือนอินเทอร์เน็ท โดยมีจอภาพขนาด 6 นิ้ว และ ทำงานบนระบบวินโดว์พร้อมระบบทัชสกรีน นอกจากนั้นเราสามารถติดกล้องด้านหลังเพื่อมองขณะถอยหลังได้ง่ายนิดเดียว
• ในอนาคตอาจถึงขึ้นให้ผู้ปกครองสามารถดูลูกวัยรุ่นของตัวเองขับรถว่าเป็นอย่างไรได้ตลอดเวลาและกำหนดความเร็วสูงสุด หรือ บันทึกการขับขี่ของลูกได้ง่าย ๆ
• ด้วยเทคโนโลยีที่พัฒนาไปมาก ผู้เชี่ยวชาญคาดว่ารถจะสามารถขับได้เองในอีกไม่เกิน 15 ปี
hiinfo-n1-onboard-computer-with-m700ar-display

นำตกลานสางครับพี่น้อง ใครชอบกางเต๊นท์เชิญ กุมภาพันธ์ 12, 2009

Posted by ekarinv in Travel.
1 comment so far

dscn9475

น้ำตกลานสาง อุทยานแห่งชาติลานสางครับ จ.ตาก อยู่ไม่ไกล พี่กางเต๊นท์ เจ๋งที่สุดในประเทศ ติดน้ำตก บรรยากาศดีมากครับ

Google ก้าวสู่มิติใหม่รุก Smart Grid เพื่ออนุรักษ์พลังงานผ่านเน็ท กุมภาพันธ์ 12, 2009

Posted by ekarinv in Technology Focus.
add a comment

 

Google เปิดตัวโครงการด้านพลังงานที่เรียกว่า Smart Grid เมื่อวันอังคาร โดยการนำเทคโนโลยีดิจิตอล และ อินเทอร์เน็ต มาผนวกกับการวัดค่าพลังงานไฟฟ้าทั้งในบ้าน อาคาร หรือสำนักงานต่าง ๆ เพื่อมีจุดประสงค์เพื่อลดค่าความต้องการไฟฟ้า และ ลดโลกร้อน

จุดประสงค์หลักก็คือการควบคุมความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศ โดยเริ่มจากในบ้าน อาคาร โรงงานต่าง ๆ เพื่อลดปริมาณโรงไฟฟ้าที่ต้องสร้างเพิ่ม โดยบริษัทกูเกิ้ลได้พัฒนาเวบไซท์ฟรี ที่ชื่อว่า PowerMeter ที่ประชาชนทุกคนสามารถเข้าไปเพื่อติดตามการใช้พลังงานของบ้านตัวเองได้ ว่าใช้พลังงานไปเป็นอย่างไรบ้าง คือทราบ Load Profile ของตัวเอง

โดยตอนนี้กูเกิลกำลังสร้างอุปกรณ์เครื่องมือวัดที่จะส่งพลังงานเข้าไปยังระบบ PowerMeterออนไลน์ของเขา โดยคาดว่าจะมีการเปิดตัวอุปกรณ์ดังกล่าวอีกครั้งในอีกสองสามเดือนข้างหน้า ซึ่งน่าจะเป็นความร่วมมือระหว่าง Google กับบริษัทผู้ผลิตมิเตอร์ แต่ก็ยังไม่ได้เจาะจงว่าจะเป็นใครบ้าง และก็ขึ้นอยู่กับกฎหมาย กฎระเบียบของการไฟฟ้าแต่ละพื้นที่ในการเข้าถึงข้อมูลด้วย ซึ่งการที่เรามีข้อมูลการใช้ไฟฟ้าของตัวเองทำให้เราสามารถตัดสินใจในกิจกรรมต่าง ๆภายในบ้านได้ดีขึ้น และ ประหยัดพลังงานมากขึ้น

โครงการ Smart Grid ยังรวมไปถึงการผลักดันให้มีการรวมอุปกรณ์วัดพลังงาน และอุปกรณ์สื่อสาร เข้าไปไว้ในเครื่องใช้ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ทั้งหมด ทั้งในระบบส่งจำหน่าย หม้อแปลงไฟฟ้า สายส่ง รวมไปถึงบ้านเรือนทั้งหมด ทำให้การไฟฟ้าสามารถมองเห็นภาพรวมในการบริหารจัดการพลังงาน และ กำหนดพฤติกรรมผู้ใช้ไฟฟ้าได้ หรือแม้แต่ให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเปิดทำงานเองเมื่อความต้องการใช้ไฟฟ้าในระบบต่ำลง เป็นการทำให้การไฟฟ้าในระบบสมดุลย์มากขึ้น

นอกจากนั้นโครงกานี้ยังรวมไปถึงรถยนต์ไฮบริดจ์ด้วย ซึ่งถือเป็นโหลดทางไฟฟ้าอีกชนิดหนึ่งซึ่งนับวันจะเติบโตขึ้นมาก ในอนาคตโครงการนี้จะทำให้รถยนต์แต่ละคันมีรหัสของตัวเอง เมื่อเชื่อมโยงกับระบบไฟฟ้าเพื่อใช้พลังงานจากที่ไหนก็ได้ บิลก็จะส่งไปเรียกเก็บได้ถูกคัน ลักษณะเดียวกับโทรศัพท์มือถือ ที่พอเราเปิดเครื่องระบบก็จะทราบทันทีว่าเราเข้าสู่ระบบแล้ว โดยการชาร์จของรถยนต์ในอาคตอาจต้องคำนึงถึงเวลาในการชาร์จด้วย ถ้าชาร์จตอนที่ความต้องการไฟฟ้าของระบบต่ำ ค่าไฟฟ้าก็จะถูกกว่าตอนความต้องการสูง ๆ

งบประมาณที่ต้องใช้ในโครงการนี้ต้องใช้งบถึง 4.4 พันล้านเหรียญ สำหรับเทคโนโลยี Smart Meter สี่ล้านหน่วย

powermeter-1

เทคโนโลยีสำหรับชีวิตยุคใหม่ ที่งาน CES กุมภาพันธ์ 12, 2009

Posted by ekarinv in Technology Focus.
add a comment

งาน CES หรือ Consumer Electronic Show เป็นงานแสดงสินค้าด้านอิเล็กทรอนิกส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งในสหรัฐ ซึ่งทุก ๆ ปีจะมีอะไรใหม่ ๆ มาแสดงและเรียกเสียงฮือฮาจากผู้เข้าชมงานได้เสมอ ปีนี้ก็เช่นกัน มีสินค้าหลายตัวที่น่าสนใจ เช่น

TV MEETS THE WEB หรือ โทรทัศน์ที่ต่อเน็ทได้

ปีที่แล้วเน้นจอภาพที่ใหญ่โต คมชัด แต่ปีนี้เน้นที่ทีวีที่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ทได้ โดยไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ โดยมีเครื่องไม้เครื่องมือ หรือรีโมทพิเศษที่ทำให้เราควบคุมการทำงานของส่วนต่าง ๆ ในจอภาพได้อย่างง่ายดาย โดยผู้นำในวงการก็คือ Yahoo ที่ร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตทีวีหลายค่ายเพื่อพัฒนาระบบการทำงานร่วมกัน และ สามารถดึงข้อมูล หาข้อมูล เช็คอีเมลของ Yahoo ได้บน HDTV ของคุณโดยไม่ต้องเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ซักเครื่อง

โดยทีวีจะมี Widgets หรือโปรแกรมที่ต่อกับเน็ท ตัวเล็ก ๆ รันบนทีวีอยู่ตลอดเวลา โดยสามารถสลับเรียกโปรแกรมขึ้นดู สลับกับทีวีที่กำลังดูอยู่ได้ตลอดเวลา โดยกดปุ่มบนรีโมทเพียงปุ่มเดียว ท่านสามารถอ่านข่าว ดูหุ้น ซื้อของออนไลน์ หรือแม้แต่ประมูลของอีเบย์ อัพเดทรูผ่าน MySpace.com และอื่นๆ ได้จากทีวี โดยในเร็ว ๆ นีเครื่องที่รองรับระบบดังกล่าวจะมีมากมายเช่น Sony, Samsung, LG และ Vizio โดยจะมีขายในปีนี้อย่างแน่นอน และนี่คือช่องทางใหม่ในการขายสื่อโฆษณาออนไลน์ของ Yahoo

THE BRIGHTER PICTURE เลเซอร์ทีวี ชัดขึ้นสีสวยขึ้น กินไฟน้อยลง

Mitsubishi เปิดตัว laser TV เครื่องแรกของโลกชื่อ LaserVue. โดยการเปิดเทียบกับจอพลาสมาแบบเดิม จะเห็นได้ถึงความแตกต่าง โดย Nick Norton จาก Mitsubishi Digital กล่าวว่า ด้วยความแม่นยำของลำแสงเลเซอร์ ทำให้เราได้สีที่ถูกต้องและคมชัดกว่าเดิมที่เป็น Plasma หรือ LCD มาก นอกจากนั้นยังมีการวัดพลังงานให้ดู ปรากฎว่ากินไฟน้อยกว่า LCD หรือ พลาสมา คือใช้เพียง ¼ ของ LCD เท่านั้น LCD ปกติใช้ 400W ถ้าเป็น LaseVue ก็ใช้แค่ไม่ถึง 100W เท่านั้น หลักการของการแสดงสีของแต่ละพิกเซลล์ก็คือการยิงลำแสงเลเซอร์สีแดง เขียว และ น้ำเงิน ออกมาตามปริมาณที่ต้องการเพื่อผสมเป็นสีต่าง ๆ ที่คมชัดสูงมาก

แต่ยิ่งใหม่ และ ใหญ่ ราคาก็ใหญ่ตามไปด้วยคือ $6900 เหรียญ แต่ก็ยังมีคนซื้อไปใช้แล้ว ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเศรษฐีทั้งนั้น

laser_tv_460-1

FROM BIG SCREEN TV TO TINY TV .  แวนตาทีวี

ในงานนี้ไม่มีเฉพาะสิ่งใหญ่ สิ่งเล็ก ๆ แต่แจ๋วก็มีเหมือนกัน อย่างทีวีสวมได้ที่มีจอขนาด ครึ่งนิ้วแต่เมื่อสวมแล้วทำให้เราเหมือนได้ดูภาพยนต์จากโรงภาพยนต์ขนาดใหญ่เลยทีเดียว

เทคโนโลยีจอภาพ OLED ได้ถูกฝั่งเข้าไปในแว่นตา เพื่อใช้เชื่อมต่อเพื่อส่งภาพจาก smartphone หรือ laptop มายังตาของเรา โดยทำให้เราเหมือนได้ดูภาพยนต์จากจอภาพขนาดใหญ่ โดยเทคโนโลยีอยู่ภายใต้ชื่อ Vuzix และถูกพัฒนาโดย Cambridge Display Technology ให้ใช้พลังงานต่ำ และ เหมือนกับได้ดูจอภาพขนาด 32 นิ้ว หน้าลูกตาของเรา โดยเน้นเป็นการแสดงภาพมัลติมีเดียร์ต่าง ๆ จากคอมพิวเตอร์ และ โทรศัพท์มือถือ พวก Smart Phone และด้วยเทคโนโลยี OLED ทำให้มันบางมาก

WIFI WIRELESS วิทยุที่เชื่อมต่อเพื่อรับสัญญาณจากสถานีวิทยุทั่วโลกผ่าน Wifi ได้

Sanyo เปิดตัว R227 วิทยุดิจิตอลที่สามารถต่ออินเทอร์เน็ทได้ผ่านเครือข่าย Wifi นั่นหมายถึงทำให้เราสามารถเชื่อมต่อสู่สถานีวิทยุดิจิตอลผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ทได้ทั่วโลก หลายพันสถานี โดยเราสามารถค้นหาตำแหน่งสถานีได้จากชนิดของเพลง กีฬา หรือ คลื่นทอร์ค จากนั้นเมื่อได้คลื่นที่ถูกใจ ก็สามารถบันทึกลงฐานข้อมูลได้

ดังนั้นในอนาคต ถ้าเรามีคอนเทนท์ดี ๆ เราก็ตั้งสถานีวิทยุ ออนไลน์เองได้ ซึ่งทุกคนทั่วโลกก็สามารถฟังเราได้ผ่านระบบอินเทอร์เน็ท โดยเครื่องวิทยุนี้สามารถเปิดไฟล์สตรีมมิ่งได้ทุกฟอร์แมท ทำให้ไม่ยุ่งยากเหมือนใช้คอมพิวเตอร์ และด้วยราคา 169.99 เหรีญ ก็น่าสนใจไม่น้อย

SOCIAL MOBILE โทรศัพท์ใหม่ที่ไม่ขาดการติดต่อจากเพื่อฝูงตลอดเวลา

บริษัทออสเตรเลียชื่อ INQ ได้พัฒนาสิ่งที่เขาเรียกว่า Social Mobile ขึ้น โดยทำให้ง่ายต่อการต่อเน็ท เพียงกดเพียงปุ่มเดียว โดยในเครื่องจะมีทั้ง Facebook, Skype, และ Window Live Messenger ซึ่งจะเปิดอยู่ตลอดเวลา ผ่านโครงข่ายโทรศัพท์มือถือ นั้นหมายความว่าสามารถเลือกได้ทั้งการโทรข้ามประเทศผ่าน Skype หรือแชร์ข้อมูล หรืออัพโหลดภาพในเวบส่วนตัว หรือแม้แต่แชทกับเพื่อน ๆ หรือครอบครัว ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน โดยเบื้องต้นจะมีขายในออสเตรเลีย และ อังกฤษ และคาดว่าจะมีขายในสหรัฐในครึ่งหลังของปีนี้

PULSE SMARTPEN  ปากกาบันทึกลายมือพร้อมเสียง

ชื่อของมันก็คือ Pulse Smartpen ยี่ห้อ LiveScribe มันจะทำหน้าที่บันทึกลายมือไปพร้อม ๆ กับการอัดเสียงที่เกิดขึ้นรอบ ๆ ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งกับการใช้ในการบันทึกของนักข่าว นักศึกษา หรือแม้แต่การบันทึกส่วนตัว โดยในการบันทึกต้องใช้กระดาษพิเศษที่เรียก nano-dots ที่มีจุดเล็ก ๆ ที่สามารถอ่านโดยกล้องที่ติดอยู่ที่ปลายปากกา โดยการบันทึกมีความเร็วอยู่ที่ 75 เฟรมต่อนาที เมื่อเขียนเสร็จ ก็สามารถถ่ายข้อมูลผ่าน USB ลงคอมพิวเตอร์ได้ สำหรับขนาดหน่วยความจำภายในที่ขายอยู่มีทั้งแบบ 1G ที่สามารถบันทึกได้ 100 ชม. และ 2G

การปลดพนักงานทำให้โปรแกรม Flight Simulator ถึงคราวต้องตกจากฟ้า กุมภาพันธ์ 12, 2009

Posted by ekarinv in Technology Focus.
add a comment

อนาคตของโปรแกรม Flight Simulator ของ ไมโครซอร์ฟ ถือได้ว่าเป็นเป็นซอร์ฟแวร์เกมส์ซีรี่ที่มีอายุยาวนานมากตัวหนึ่ง แต่เนื่องจากวิฤติเศรษฐกิจในสหรัฐ ทำให้ต้องมีการลดพนักงาน ผู้ผลิตซอร์ฟแวร์อย่างไมโครซอร์ฟ จึงตัดสินใน laid-off ทีมที่พัฒนา Flight Sim. ทั้งหมด นอกจากนั้นแล้วยังต้องปิดตัว Aces Studio รวมทั้งพนักงานอีก 5000 คนไปพร้อม ๆ กันด้วย

MS Flight Simulator ถือว่าเป็นเกมส์คอมพิวเตอร์ที่ได้รับการพัฒนาและมีขายมาอย่างต่อเนื่อง และ นานที่สุดในบรรดาเกมส์ทั้งหมด โดยเริ่มออกวางตลาดตั้งแต่ปี 1982 ซึ่งการปิด Studio และไล่ทีมพัฒนาออกทั้งหมดนี้ถือได้ว่าเป็นฝันรายของตลาด Flight Simulator เลยทีเดียว เวบไซท์ที่สะเทือนมากที่สุดก็เห็นจะเป็น FlightSim.com และเป็นที่งง และ สงสัยสำหรับบรรดา สาวกของ FlightSim ทั้งหลายด้วย

ขณะนี้ ไมโครซอร์ฟได้ยกเลิกแฟรนไชส์ที่ใช้มาอย่างต่อเนื่องถึง 27 ปีไปแล้ว สำหรับประชาชน ก็ให้ความเห็นว่า Flight Simulation ถือเป็นเพียงไม่กี่สิ่งที่ประชาชนชอบเกี่ยวกับไมโครซอร์ฟ มันสร้างทั้งเงินและ กลุ่มคนอีกมากมายที่ใช้โปรแกรมนี้อย่างสม่ำเสมอ

สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้าน Flight Simulation กล่าวว่า อาจะเป็นการสิ้นสุดการพัฒนาในนามไมโครซอร์ฟ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเกมส์นี้จะหยุดการพัฒนาในชื่ออื่น ๆ และคาดว่าไมโครซอร์ฟคงขายซอร์สโคดไปให้คนอื่นพัฒนาต่อไป

เพราะก่อนหน้านี้ไมโครซอร์ฟเคยทำอย่างนี้กับ MS Train Simulator มาแล้ว แต่ถึงแม้จะเลิกผลิต Flight Sim แล้วก็ตาม Flight Sim X ยังคงใช้ต่อไปได้อีกหลายปีกว่าจะเชย และถึงปัจจุบันก็ยังมีคนใช้ FS 2004 อยู่เลย

1613_blue_v31